รีวิวในแบบฉบับคนไปสอบเป็นแอร์โฮสเตส
หลังจากที่ได้ใช้เวลาร่วมกันเกือบ 3 เดือน วันนี้ได้ฤกษ์รีวีวว โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ที่เจ้าตัวเขากล่าวว่า สำหรับผู้ที่มีความรู้น้อยมาก ไปจนถึงไม่มีเลย ซะทีนะคะ โดยโรงเรียนมีชื่อว่า “แมคบราวน์” ตั้งอยู่ที่ I’m Park หลังจุฬาฯ (ปัจจุบันย้ายสถานที่แล้ว)
ด้วยความที่สถานที่ตั้งอยู่ในเขตเมือง การเดินทางค่อนข้างจะรองรับหลายแบบมากๆ มีทั้งทีจอดรถสะดวกสบาย หรือ วันไหนเบื่อขับรถมา ก็ขึ้น BTS มาลงที่สถานี สนามกีฬาแห่งชาติ หรือ MRT สามย่าน ได้เลย ระยะห่างประมาณ 900 เมตร นอกจากการเรียนแล้วของอาหารก็เยอะด้วยค่ะ ตัวห้างเคลมว่าเป็นแหล่งรวมบุฟเฟ่ต์
ด้วยความที่ไม่อยากให้บรรยากาศดูเครียดและปิดจินตนาการ โรงเรียนจึงตกแต่งให้คล้ายกับคาเฟ่ค่ะ แถมยังมีบาริสต้าเป็นชาวต่างชาติ ที่จะให้เราสามารถฝึกสั่งของว่างและเครื่องดื่ม เป็นภาษาอังกฤษด้วยนะคะ วันไหนเหนื่อยๆ จากการทำงานหรือเรียน สามารถเข้ามานั่งพักผ่อนที่โรงเรียนก็ได้ ชิวๆ โกโก้เย็นที่นี่ดีมากกก ก.ไก่ ร้อยตัว
มาถึงสาระสำคัญ ที่นี่เค้าต่างด้วยรูปแบบการเรียนค่ะ ไม่เหมือนกับที่อื่นเลย ตอนแรกที่แป้งมาเรียน ด้วยความที่เป็นคนที่มีเวลาในแต่ละสัปดาห์ไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นปัญหาที่กลัวที่สุดก็คือกลัวว่า ถ้าวันไหนมาไม่ได้ จะเรียนไม่ทันเพื่อนๆ ในคลาส ไม่เลยค่ะ ที่นี่สอนแบบกึ่งตัวต่อตัว คือครูจะสอนแยกเป็นคนๆไปเลยค่ะ แต่เค้าไม่ได้สอนเราคนเดียว เพราะเวลาที่เราทำแบบฝึกหัด ครูก็จะเดินไปสอนคนอื่นต่อ และที่คิดว่าดีสุดในมุมของแป้งคือ สามารถเลือกเวลาเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ วันนึงกี่ชั่วโมงก็ได้ เราเรียนถึงไหนครั้งต่อไปที่เข้ามาก็ต่อจากจุดเดิมที่เราเรียนได้เลย
ที่นี่เอาระบบการจัดการทุกอย่างลงไปในระบบออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลย ระบบจองคลาส โดยหลังจากที่เราสมัครเรียนแล้วจะได้รับเป็น Username กับ Password ในการสำรองที่นั่งก่อนที่จะเข้ามาเรียน วิธีก็ง่ายมาก เลือกวันที่เราสะดวก > เลือกเวลาที่เราสะดวก > กดยืนยัน และเข้ามาเรียนได้เลย
ง่ายมากเวอร์ จองเอง เลือกเองเลย อยากเรียนเวลากี่โมงเพราะวันนึงสามารถเรียนกี่ชั่วโมงก็ได้ มันอิสระมากจน ถ้าปล่อยใจก็อาจจะไม่มาเรียนก็ได้ เพราะถ้าอยากจะเทขึ้นมา ก็กดแคนเซิลก่อนคลาสนั้นๆ อย่างน้อย 1 ชั่วโมงได้เลย แถมเวลาจองก็จองล่วงหน้าได้เป็นเดือนๆ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่กดไม่ทัน เหมือนคอน Blackpink (อิน ยัว แอ หรี่ โย๊)
สิ่งที่น่าชื่นชมอีกอย่างหนึ่งคือสื่อประกอบการเรียนค่ะ เนื้อหาไหน เหมาะสมที่จะใช้สื่อแบบไหน ทางโรงเรียนก็ใช้สื่อนั้นเข้ามาสอน ไม่ใช่แค่การเรียนแต่ในหนังสือ การสื่อสารกับครูผู้สอน วิดิโออนิเมชั่น ยังมีระบบเกมส์ออนไลน์พร้อม AI อันนี้เวิร์คมาก โดยโจทย์ในระบบจะเป็นสิ่งที่เราเรียนมาในแต่ละเรื่อง มันจะต่างกันตรงที่ สมมติเราจะจำคำศัพท์ 100 คำ ถ้าทำแบบทดสอบในหนังสือเนี่ย ทำผิด ครูตรวจว่าผิด แล้วไงต่อล่ะ? เราก็จำไม่ค่อยจะได้อยู่ดี แต่พอมาทำในระบบ AI ถ้าเราทำผิด ระบบก็จะเอาข้อที่เป็นจุดอ่อนของเรา วนขึ้นมาเรื่อยๆ จนเราต้องทำซ้ำๆ เราจะต้องตระหนักแล้วแหละ ว่าตรงไหนคือจุดอ่อน ละก็จำได้ทันที ประโยคนี้มาเลยค่ะ “When you repeat a mistake, it is not a mistake anymore”
วิธีการเรียนที่นี่ที่แตกต่างอีกแล้วคือ เขาจะให้โจทย์ภาษาไทยมา ให้เราแปลเป็นภาษาอังกฤษ ตอนแรกคิดว่าง่าย แค่ไปทดลองเรียนแล้วยังทำไม่ได้เลย อะไรวะเนี่ย ไม่ต้องทดสอบวัดความรู้ใดๆเพราะทุกโจทย์มันจะแสดงให้ครูเห็นหมดเลยอ่ะ ว่าเราไม่เข้าใจตรงไหน แล้วครูก็จะแก้ได้ สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ทำให้วิธีนี้เวิร์ค โจทย์ที่ถูกตั้งใจแต่งออกมาที่จะทำให้เราผิดนี่ล่ะค่ะ ถ้ายกตัวอย่างจะยาวไปหน่อย ขอไม่ยกนะคะ
อีกอย่างคือ การเรียงลำดับเนื้อหาที่ไม่ทิ้งของเก่า เรียนอะไรไปแล้ว จะถูกนำมาประยุกต์ใช้หมดกับเรื่องต่อไป ทำให้เราไม่ได้หน้า แล้วลืมหลังแน่ๆ เรียนให้จบก็พอค่ะ ยังไงก็ได้การพัฒนาแบบเห็นชัดเหมือนหนู ลืมไปก่อน ภาพจำแบบเดิมๆ ที่นี่สอนแบบกึ่งตัวต่อตัว ครูผู้สอนก็สอนลงไปเลยในหนังสือของเราเลยเด้อ ฝึกทำแบบฝึกหัดไปเรื่อยๆ ตรวจกันไปเรื่อยๆ ถ้าผิดเยอะหรอ “ลบออกหมด ทำใหม่ครับ”(2018) กอล์ฟ.
ในส่วนของการทำข้อสอบ เค้าสอนให้เราวิเคราะห์โครงสร้างประโยค โดยใช้อะไรที่เข้าใจง่าย ง่ายแบบมากๆๆๆ ครูไม่พูดคำว่า กริยาช่วย preposition เอกพจน์ พหูพจน์เลย แต่พูดว่า สีชมพูคืออันไหน สีฟ้าคืออันไหน หลังสีฟ้าตามด้วยอะไร ลู้เลื่องง ไม่ได้มาอวดความรู้แต่ตั้งใจจะสื่อสารอย่างเดียวจริงขอบอก อันนี้ก็เวิร์ค
พอเรียนจบ หนูก็เลยไปสอบ TOEIC มาลองวิชา ผลที่ได้ก็ตามภาพไปเลยค่า แล้วก็เลยรีบเอาไปสมัครงาน ผลปรากฎว่า ตอนนี้หนูได้เป็นแอร์ฯ ของสายการบินสีแดง สมใจอยากละค่าาาา ในเวลาไม่กี่เดือน ต้องขอขอบพระคุณที่ทำให้คนที่ไม่พร้อมแบบหนูกลับมามั่นใจได้อีกครั้งนะคะ ขอจบการ รีวีววว แต่เพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ บับบายยยย
Source: Tanya Pun
